ผบ.ตร. ให้ "ผู้กำกับโจ้" ออกจากราชการ-ศาลออกหมายจับข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณ

พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในคำสั่งให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. เพื่อรอฟังผลการสอบสวนทางวินัยกรณีถูกกล่าวหาว่าทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดด้วยการใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะ เพื่อเรียกรับเงินจำนวน 2 ล้านบาท จนผู้ต้องหาเสียชีวิต

คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจาก พล.ต.อ. สุวัฒน์แถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลในช่วงเย็นว่าได้รับ รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจแห่งชาติกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ หรือที่คนในพื้นที่เรียกกันว่า "ผู้กำกับโจ้" ซึ่งมีหลักฐานเชื่อได้ว่าน่าจะกระทำความผิดจริง

ขณะที่วันนี้ (25 ส.ค.) พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้อนุมัติหมายจับ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ และพวกรวม 7 คน ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ผู้อื่นเสียหาย ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ซึ่งตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 4 คน

คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อนระบุว่า พ.ต.อ. ธิติสรรค์ ผกก. สภ.เมืองนครสวรรค์ อัตราเงินเดือน 43,330 บาท ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ในเรื่องที่ถูกร้องเรียนว่าได้ทำร้ายร่างกายโดยการทรมานนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อเรียกเงินจำนวน 2 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และถูก สภ. เมืองนครสวรรค์ ดำเนินคดีอาญาโดยกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำสั่งระบุต่อไปว่ากรณีนี้มีเหตุให้พักราชการได้ตามกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเนื่องจากถ้าให้ผู้ถูกสอบสวนคงอยู่ในราชการอาจเกิดการเสียหาย และพิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาคดีที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว

"...จึงให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2564 เป็นต้นไป" ผบ.ตร. ระบุในคำสั่งลงวันที่ 24 ส.ค. ต่อมาในวันที่ 25 ส.ค. ได้มีคำสั่งตามมาอีกหนึ่งฉบับให้ข้าราชการตำรวจอีกหกนายได้แก่ 1-6 ออกจากราชการไว้ก่อน ได้แก่ พ.ต.ต. รวิโรจน์ ดิษทอง, ร.ต.อ. ทรงยศ คล้ายนาค, ร.ต.ท. ธรณินทร์ มาศวรรณา, ด.ต. วิสุทธิ์ บุญเขียว, ด.ต. ศุภากร นิ่มชื่น และ ส.ต.ต. ปวีณ์กร คำมาเร็ว

ข้อสั่งการของนายกฯ และการลงนามในคำสั่งให้ ผกก. สภ. เมืองนครสวรรค์ ออกราชการมีขึ้นภายหลังจากนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "ทนายคลายทุกข์" เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ระบุว่าได้รับข้อมูลจากตำรวจชั้นผู้น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกับขอให้ติดตามเรื่องนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับนายจิระพงศ์ อายุ 24 ปี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ส.ค. หลังจากที่เขาถูกจับกุมในข้อหาค้ายาเสพติด

ต่อมาในช่วงบ่ายวันที่ 24 ส.ค. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอโดยระบุว่าได้รับจากตำรวจชั้นผู้น้อยที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของ ผกก. สภ. เมืองนครสวรรค์ คลิปดังกล่าวมีความยาว 1.21 นาที เป็นภาพเหตุการณ์ที่มีชายกลุ่มหนึ่งแต่งกายคล้ายตำรวจ คนหนึ่งนำถุงคลุมศีรษะของผู้ชายที่นั่งอยู่โดยถูกใส่กุญแจมือไว้ ชายที่นั่งอยู่พยายามดิ้นรนจนกระทั่งหมดสติล้มลงบนพื้น

ราว 3 ชั่วโมงหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ พล.ต.อ. สุวัฒน์ ผบ.ตร. ได้แถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่าในกรณีนี้ตำรวจดำเนินการเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือการดำเนินการทางวินัย ซึ่งมอบหมายให้ พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด

การดำเนินการในส่วนที่ 2 คือการดำเนินคดีอาญา ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้ดูแลคดีเนื่องจากการกระทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเป็นอาญาแผ่นดิน สำหรับคลิปที่มีการเผยแพร่นั้น การตรวจสอบเบื้องต้นน่าเชื่อว่าเป็นภาพบันทึกเหตุการณ์จริง

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่าขณะนี้ได้รับรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความเห็นจากจเรตำรวจแห่งชาติแล้ว ซึ่งจากพยานหลักฐานที่มีน่าเชื่อว่ามีการกระทำความผิดจริง จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ออกจากราชการไว้ก่อน และให้มีการสืบสวนย้อนหลังว่าตำรวจคนดังกล่าวมีการกระทำความผิดมาก่อนหน้านี้หรือไม่

พล.ต.อ. สุวัฒน์กล่าวว่ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ได้สั่งให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์พ้นจากหน้าที่โดยให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 แต่ตนเห็นว่าควรให้ย้ายมาที่ส่วนกลางเพื่อให้ออกจากพื้นที่อย่างเด็ดขาด

"ส่วนคดีอาญา พล.ต.อ. สุชาติดูแลอยู่ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็เรียกมาแจ้งข้อหา" ผบ.ตร. กล่าวและบอกว่าได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องว่าอย่าปล่อยให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์และผู้ร่วมกระทำความผิดหลบหนี

พล.ต.อ. สุวัฒน์กล่าวว่าจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีทั้งหมด 13 คน

"เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่มีคนต้องเสียชีวิต และฝากเป็นอุทธาหรณ์ให้เพื่อนข้าราชการตำรวจทุกคนดูไว้เป็นตัวอย่าง ถ้าทำอะไรที่ไม่ดี ไม่มีทางที่จะพ้นไปได้ แล้วสิ่งที่ตามมามันเสียหาย แต่ว่านิ้วไหนไม่ดีก็ต้องตัดทิ้ง คนส่วนใหญ่จะได้เดินต่อได้ ผมเชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่ยังดีอยู่ แต่คนเลว ๆ ก็ต้องได้รับผลกรรม"

"เราเป็นผู้รักษากฎหมาย เราเป็นคนรักษากติกาสังคม ถ้าเขาไม่ไว้ใจเรา อยู่กันไม่ได้ประเทศนี้" ผบ.ตร. ฝากถึงข้าราชการตำรวจ

ผบ.ตร. เปิดเผยด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้และให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตและครอบครัวอย่างถึงที่สุด

"ท่านนายกฯ ก็ไม่สบายใจ บอกผมว่าต้องทำอะไรทุกอย่างให้มันดีขึ้นให้ได้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของประชาชน (ต่อตำรวจ)" ผบ.ตร. กล่าว

คดี "ผู้กำกับโจ้"

กรณีนี้ได้รับความสนใจจากสังคมหลังจากที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "ทนายคลายทุกข์" เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ระบุว่าได้รับข้อมูลจากตำรวจว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 คน เป็นชายและหญิงจาก จ. ชัยนาท พร้อมยาบ้าประมาณหลักแสนเม็ด นำตัวมาที่ สภ. เมืองนครสวรรค์ ต่อมาผู้ให้ข้อมูลอ้างว่ามีการเรียกเงินจากผู้ต้องหาทั้งสองคนจำนวน 1 ล้านบาท จนผู้ต้องหายอมจ่าย 1 ล้านบาท แต่มีนายตำรวจยศ พ.ต.อ. คนหนึ่งไม่ยอม บอกว่าจะเอา 2 ล้านบาท พ.ต.อ. คนดังกล่าวนำถุงดำมาคลุมหัวผู้ต้องหาชายจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต จากนั้นจึงนำศพส่งโรงพยาบาลและบังคับลูกน้องให้บอกกับหมอว่าเสพยาเกินขนาดจนเสียชีวิต จากนั้นตำรวจได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาหญิงไป โดยบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรเพื่อแลกกับอิสรภาพไม่ต้องถูกดำเนินคดียาเสพติด ผลชันสูตรออกมาเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ชุดจับกุมเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยทนไม่ได้จึงร้องเรียนมาที่ทนายคลายทุกข์และพร้อมให้ปากคำ นอกจากนี้ ผู้ร้องเรียนยังอ้างว่า พ.ต.อ. คนดังกล่าวได้เรียกพ่อของผู้ตายเพื่อเคลียร์คดีให้จบ

โพสต์ดังกล่าวนำมาสู่การสั่งสอบเร่งด่วนในวันเดียวกัน พล.ต.ท. อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 สั่งการให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนพล ผู้กำกับการ สภ. เมืองนครสวรรค์ ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง จากกรณีโซเชียลมีเดียเผยแพร่ข้อมูลพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการจับกุม สืบสวนขยายผลผู้ต้องหาคดียาเสพติด

จนวันนี้ (24 ส.ค.) คดีดังกล่าวได้รับความสนใจจากสังคมอย่างกว้างขวาง หลังนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 1.21 นาที บนเฟซบุ๊กเพจของตน พร้อมข้อความว่าเขาได้รับคลิปนี้มาจากตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ขอให้ช่วยนำคลิปนี้มอบให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และให้ช่วยเร่งติดตามคดีนี้เพราะกลัวว่าพวกเขาจะได้รับอันตรายจากการนำคลิปมาให้เผยแพร่

เสียชีวิตจากสารแอมเฟตามีน?

วันนี้ (25 ส.ค.) รพ.สวรรค์ประชารักษ์ ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่หนังสือรับรองการตายของนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ระบุว่า "สันนิษฐานว่าพิษจากสารแอมเฟตามีน" เป็นเพียงข้อมูลชั้นต้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทำรายงานชันสูตรฉบับสมบูรณ์ และกำลังตรวจสอบเจ้ากระบวนการรักษาพยาบาลและตรวจศพทั้งหมด

หนังสือรับรองการตายดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ทำให้ประชาชนบางส่วนเกิดความคลางแคลงใจ โดยเฉพาะเมื่อมีคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่นายจิระพงศ์ถูกทำให้ขาดอากาศหายใจด้วยการคลุมถุงพลาสติกที่ศีรษะ

รพ. สวรรค์ประชารักษ์ให้ข้อมูลว่า นายจิระพงศ์ถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลปริ้นส์ปากน้ำโพเมื่อวันที่ 5 ส.ค. เวลา 19.20 น. โดยทราบประวัติจาก รพ. ปริ้นส์ฯ ว่า "ผู้ตายวิ่งหนีตำรวจขณะจับยาเสพติดแล้วล้มลงหมดสติ" ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวขณะอยู่ รพ. และเสียชีวิตวันที่ 6 ส.ค. เวลา 13.20 น.

"หลังเสียชีวิตแล้วได้ทำการชันสูตรพลิกศพที่กลุ่มงานนิติเวช โดยแพทย์นิติเวช และทำการผ่าศพวันที่ 7 ส.ค. เวลา 09.00 น. เนื่องจากต้องรอผลตรวจโควิดของผู้ตาย การตรวจคัดกรองปัสสาวะพบสารเมทแอมเฟตามีนและสารแอมเฟตามีน โดยลงสาเหตุการตายเบื้องต้นในหนังสือรับรองการตายว่าสันนิษฐานว่าพิษจากสารแอมเฟตามีน ขณะนี้กำลังรอผลตรวจระดับสารเมทแอมเฟตามีนในเลือดและผลการชันสูตรพลิกศพ เพื่อนำมาสรุปในรายงานชันสูตรฉบับสมบูรณ์ที่จะออกในสัปดาห์หน้า" แถลงการณ์ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ระบุ

รพ. อธิบายเพิ่มเติมว่าหนังสือรับรองการตายเป็นเอกสารที่แพทย์ออกให้หลังการผ่าพิสูจน์ทันทีเพื่อให้ญาตินำไปประกอบการทำมรณบัตร

"(หนังสือรับรองการตาย) เป็นเพียงข้อมูลชั้นต้น ที่อาจเหมือนหรือแตกต่างจากรายงานการชันสูตรศพที่มีในภายหลังได้ เพราะผลตรวจชิ้นเนื้อจากกล้องจุลทรรศน์และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพิษวิทยาที่ออกมาในภายหลังจะทำให้สรุปสาเหตุการตายได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น"

รพ. สวรรค์ประชารักษ์ระบุว่า ขณะนี้ทาง รพ. กำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รักษาพยาบาลและตรวจศพทั้งหมด

"ทัวร์ลง" เพจเฟซบุ๊ก สภ.เมืองนครสวรรค์

บีบีซีไทยตรวจสอบความเคลื่อนไหวในเฟจเฟซบุ๊ก "สถานีตำรวจภูธรนครสวรรค์" วันนี้พบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนหนึ่งเข้าไปแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์กรณีของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์และตำรวจที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก บางส่วนเรียกร้องให้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทำให้แอดมินของเพจโพสต์ข้อความชี้แจงว่าการให้ข่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา และเพจ สภ.เมืองนครสวรรค์ เป็นเพจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ และนำเสนอการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเเจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา พร้อมกับขอให้ประชาชนแยกแยะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ

"ข้าราชการตำรวจทุกคนก็สะเทือนใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เมื่อเกิดเเล้วไม่ว่าเรื่องใดที่มีการกระทำผิดกฎหมาย ผู้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบเเละดำเนินการตามกฎหมายอยู่เเล้ว เป็นความผิดที่กระทำขึ้นเฉพาะบุคคล และข้าราชการตำรวจอีกส่วนใหญ่ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจดูเเลทรัพย์สินให้ประชาชนต่อไป" แอดมินเพจ สภ.เมืองนครสวรรค์โพสต์ข้อความ

บุกค้นบ้านพัก "ผกก. โจ้"

เว็บไซต์ Cops Magazine ซึ่งเป็นสื่อด้านอาชญากรรมและแวดวงตำรวจรายงานว่าวันนี้ (25 ส.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักในหมู่บ้านปัญญาอินทรา 1 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังจากสืบทราบว่าเป็นบ้านพักของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ แต่พบเพียงลูกจ้างชาวเมียนมาที่ดูแลบ้าน จากการตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านหรูขนาดใหญ่และมีรถจำนวนหลายคัน

ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวเพิ่มเติมถึงคดีนี้ว่าให้ดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด

น.ส. รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ย้ำให้ทุกหน่วยงานกำจัดเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมเลวร้ายและทุจริตในหน้าที่

"ให้ทุกหน่วยงานกำจัดเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมเลวร้าย ทุจริตในหน้าที่ ออกจากหน่วยงานตามกฎหมาย การกระทำใดที่มีผลกระทบต่อสังคมและประชาชน ต้องกำจัดออกไป เพื่อไม่ให้บุคคลนั้นมีโอกาสเติบโต ใช้ตำแหน่งหน้าที่สร้างความเสียหายต่อส่วนรวม" รองโฆษกฯ อ้างคำพูดของนายกฯ