ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)  (อ่าน 414007 ครั้ง)

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ประกาศครั้งที่ 1 (ละมั้ง?) เปิดจอง "ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก" = "บริบทแห่งรัก" ฉบับรวมเล่มแล้วจ้า!!!
+ รีปรินท์เรื่องก่อนๆ ด้วย ถึง 30 กันยายนนี้

หลังจาก Bellbomb ห่างหายการรวมเล่มมาปีกว่าๆ ก็ได้ฤกษ์เปิดจองรวมเล่มเรื่องใหม่ทีเดียวสองเรื่องเลย ก็คือ “ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก” กับ “บริบทแห่งรัก” (ลำนำรักสีรุ้ง Side Stories) รายละเอียดตามด้านล่างค่ะ

เรื่องที่ 1: ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก



คำโปรยหลังปก: ณรงค์เป็นซีเนียร์ดีไซเนอร์ในบริษัทรับออกแบบและก่อสร้างแห่งหนึ่ง เขาไม่เคยคิดเรื่องอยากมีคนรัก จนกระทั่งในคืนที่ได้เข้าไปช่วยชายหนุ่มผู้เมามายจนมีเรื่องวิวาทในบาร์ และพบว่านั่นคือไรอัน บอสหนุ่มลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียที่เพิ่งมาประจำตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว หรือนี่จะนำไปสู่ความสัมพันธ์อันน่าระทึกระหว่างเจ้านายกับลูกน้องที่บุคลิกต่างกันสุดขั้ว??

“บางทีคุณก็ทำให้ผมอยากต่อยคุณจริงๆ รู้ตัวหรือเปล่า?”
-ไรอัน

“ถ้าเป็นคุณ ถึงโหดแค่ไหนผมก็รัก”
-ณรงค์


ข้อมูลหนังสือ:

• ราคา 360 บาท
• ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
• ตอนพิเศษเฉพาะในหนังสือ
• ของแถม 1: ที่คั่นหนังสือ
• ของแถม 2: ปกพลาสติก ปั๊มทองลายเซ็นต์ของ Bellbomb จะได้เอาไว้หุ้มหนังสือกันเลอะค่ะ :)
• อ่านตัวอย่างได้ที่นี่ -> [คลิก]


++++++++++++


เรื่องที่ 2: บริบทแห่งรัก (ลำนำรักสีรุ้ง Side Stories)



คำโปรยหลังปก: เรื่องราวของเป้กับวิวที่เคยทำให้คนอ่านอมยิ้ม ห่วงใย และเอาใจช่วยใน "ลำนำรักสีรุ้ง" ได้กลับมาถ่ายทอดความเป็นไปของทั้งคู่อีกครั้ง

"บริบทแห่งรัก" จะพานักอ่านไปทำความคุ้นเคยกับ "คนน่ารักของเป้" และ "คนเจ้าเล่ห์ของวิว" ให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคย กับแต่ละบทตอนซึ่งถักทอขึ้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ทั้งสองมีกันและกันเช่นในวันนี้...


ข้อมูลหนังสือ:

• ราคา 220 บาท
• ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
• ตอนพิเศษเฉพาะในหนังสือ + ตอนโบนัสที่เคยล็อกพาสเวิร์ดไว้ที่บล็อก
• ของแถม 1: ที่คั่นหนังสือ
• ของแถม 2: ปกพลาสติก ปั๊มทองลายเซ็นต์ของ Bellbomb
• สามารถอ่านตัวอย่างได้ที่นี่ -> [คลิก]

Special Note:

สำหรับเล่มนี้ แต่ละตอนจะไม่ซ้ำกับลำนำรักสีรุ้งเล่มแรกเพราะเขียนขึ้นทีหลัง เนื้อหาส่วนใหญ่จะย้อนกลับไปสมัยเป้กับวิวยังเรียนอยู่ สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านเล่มแรก แนะนำให้ซื้อเล่มนั้นไปอ่านคู่กันเพื่อจะได้ไม่สับสนถึงที่มาของตัวละครในเรื่องค่ะ


**สำคัญมาก**

1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสำหรับสั่งนิยายได้ที่นี่ <<คลิก>>  แล้วกรอกจำนวนเรื่องที่ต้องการในแบบฟอร์ม แล้วก็โอนเงินตามยอดหนังสือ + ค่าส่ง เสร็จแล้วอีเมล์แบบฟอร์มมาที่ bellbomb[at]hotmail.com
 
2. เปิดจองถึง 30 กย. และเริ่มส่งหนังสือต้น ตค. หลังจากนั้นจะเริ่มวางที่ร้านประจำ (เล่มที่วางตามร้านจะไม่แถมปกพลาสติก และอาจปรับราคาขึ้น)
 
3. ถ้าหากสั่งทั้งสองเรื่องพร้อมกัน คิดค่าส่งลงทะเบียน 40 บาท (ตัวอย่างคำนวน ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก 360 + บริบทแห่งรัก 220 + ค่าส่ง 40 = 620 บาท)
 
4. ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องโอนเท่าไหร่แน่ อีเมล์มาถามหรือแปะถามที่หน้าแฟนเพจ http://www.facebook.com/BellbombNovels ก็ได้

5. โปรโมชั่น ท่านที่สั่งนิยายของเราทั้ง 5 เรื่องงวดนี้ ไม่คิดค่าส่งจ้า


เรื่องที่เคยรวมเล่มแล้วและจะรีปรินท์ในครั้งนี้

- ลำนำรักสีรุ้ง
- เมื่อหัวใจเราใกล้กัน
- แม้นมั่นคำสัญญา


จบประกาศคับผ้ม


****************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


****************************************************


ขอเบรกเรื่องยาวที่กำลังเขียนอยู่ด้วยเรื่องสั้นนะงับ แบบว่าคันไม้คันมือขึ้นมา แต่เรื่องนั้นไม่ได้ทิ้งนะจ๊ะ ติดตามกันเรื่อยๆละกันเน้อ  :a3:


*edit 07.01.08* เนื่องจากเรื่องที่สอง "เมื่อหัวใจเราใกล้กัน" ซึ่งลงต่อจาก "ลำนำรักสีรุ้ง" ในกระทู้เดียวกันนี้ตอนนี้ยาวขึ้นเกินสถานะ [เรื่องสั้น] จึงขอเปลี่ยนเป็น [นิยาย] นะจ๊ะ


เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง


ผมรู้จักเป้ครั้งแรกตอนปีสองเทอมสอง เพราะโอ๊คซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเคยชี้ให้ดูตอนนั่งที่คอมมอนด้วยกันว่าแอบชอบผู้ชายรุ่นเดียวกันต่างเอกคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นตัวสูงใหญ่ ตาโต จมูกโด่ง ผิวขาวอมเหลือง เขามักจะนั่งอยู่กับเพื่อนๆที่โต๊ะกลุ่มซึ่งอยู่คนละฟากกับโต๊ะกลุ่มของพวกผม

“ก็หน้าตาใช้ได้อะ แต่เราว่าโอ๊คเองก็หน้าตาดีนะ ไม่ลองไปทำความรู้จักเค้าดูละ”

เพื่อนตัวดีมองค้อนผมปะหลับปะเหลือก ถึงจะเป็นกริยาที่ผู้ชายไม่น่าทำ แต่พอเพื่อนผมทำทำไมมันดูไม่ขัดก็ไม่รู้

ที่ผมบอกโอ๊คไปผมหมายความตามนั้นจริงๆ โอ๊คเป็นคนผิวขาว หน้าใส ตาออกเฉี่ยวๆเหมือนนักร้องเกาหลีที่สาวๆนิยมกัน สูง 170 ต้นๆเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย เวลาเดินไปไหนมาไหนด้วยกันผมโดนโอ๊คกลบรัศมีตลอด สิ่งที่พอจะเชิดหน้าชูตาหน้าจืดๆของผมได้บ้างคือผลการเรียนที่ค่อนข้างดีเป็นระดับต้นๆของคณะ แต่นอกนั้นแล้วก็แทบพูดได้ว่าเด็กบ้านนอกที่เอ็นท์ติดมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯอย่างผมไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย

++------++

ตอนที่พวกเราย้ายวิทยาเขตมาที่นี่ใหม่ๆมีคนมาจีบโอ๊คประปราย บางทีก็เข้าผ่านทางผมเพราะเห็นเป็นเพื่อนสนิท (ผมรู้จักโอ๊คเพราะเคยเรียนกวดวิชาที่เดียวกัน พอเอ็นท์ติดคณะเดียวกันเลยยิ่งสนิทไปโดยปริยาย) หลังจากที่โอ๊คบอกผมว่าชอบเป้ได้ประมาณสองสัปดาห์ วันหนึ่งโอ๊คก็เข้ามาบอกผมอย่างดีใจว่ากำลังคบเป็นแฟนกับเป้อยู่ เล่นเอาผมเหวอไปเพราะปกติเวลาเรียนหรือกินข้าวโอ๊คจะอยู่กับผมและเพื่อนในกลุ่มตลอด เว้นบ้างคือเวลาที่เรียนคนละวิชากัน มารู้ทีหลังว่าทั้งสองคนเริ่มสนิทสนมกันเพราะโอ๊คไปลงเรียนวิชาเลือกเดียวกับเป้

ตั้งแต่โอ๊คคบเป้เป็นแฟนเพื่อนผมดูมีความสุขมาก ผมก็แซวๆเพื่อนบ้างไปตามประสา มีครั้งหนึ่งโอ๊คพาผมไปกินข้าวกับเป้ตอนพักกลางวันเพราะกลัวผมน้อยใจที่ทำตัวห่างเหินไปหลังมีแฟน มื้อนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเป้เป็นคนพูดน้อยมาก จะว่าเขินที่ผมนั่งอยู่ด้วยก็ไม่น่าใช่เพราะบุคลิกเป้ไม่ใช่แบบนั้นเลย

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นอีกอย่างตลอดมื้อกลางวันนั้นก็คือ ผมรู้สึกเหมือนเพื่อนผมเทคแคร์แฟนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่เห็นเป้จะดูแลเทคแคร์โอ๊คกลับบ้างเลย แต่ผมก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้เพราะกลัวเพื่อนจะเสียความมั่นใจ ตราบใดที่เพื่อนมีความสุขผมก็ไม่ขัดข้องอะไร

++------++

จุดพลิกผันในความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาถึงเมื่อวันหนึ่งโอ๊คโทรมาหาผมแล้วร้องไห้ บอกว่าเป้ไปมีคนอื่นเลยจะขอเลิก แล้วก็บอกว่าขอมานอนที่คอนโดผม ผมค่อนข้างตกใจเพราะทั้งคู่เพิ่งคบกันได้ไม่ถึงสามเดือน แล้วอีกอย่างถึงจะไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าคู่นี้สวีทหวานแหววแต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะทะเลาะหรือมีเรื่องผิดใจกัน คืนนั้นโอ๊คหิ้วเบียร์มาที่ห้องหลายกระป๋อง แล้วก็ดื่มไปร้องไห้ไป แต่จนแล้วจนรอดโอ๊คก็ไม่เล่ารายละเอียดเรื่องเป้ให้ผมรู้ วันรุ่งขึ้นเจ้าตัวดีก็แฮงก์เลยขอโดดเรียนนอนอยู่ที่ห้องผม ด้วยความแส่และสงสารเพื่อนผมเลยตัดสินใจไปเค้นเอากับเป้ให้รู้เรื่องเอง

เป้ดูไม่ค่อยพอใจนักตอนผมเดินไปหาที่โต๊ะกลุ่มแล้วบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย พอผมเดินนำแยกมาที่ซอกตึกข้างคณะที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านผมก็ถามเป้ตรงๆเรื่องโอ๊ค แล้วก็เล่าว่าเพื่อนผมร้องไห้เสียใจแค่ไหน เป้เพียงแค่นหัวเราะแล้วก็มองผมด้วยสายตาแฝงแววบางอย่างที่ทำให้ผมหงุดหงิดเหลือทน

“วิว แทนที่จะมาถามเรา นายไปถามเพื่อนตัวเองดีกว่านะว่าเค้าทำอะไรไว้”

“พูดยังงี้หมายความว่าไง นายเองไม่ใช่เหรอที่นอกใจเพื่อนเรา นี่นายจะเอายังไงกันแน่”

“ก็ไม่ยังไง เราแค่ไม่ชอบคบกับคนไม่จริงใจ แล้วก็ร่าน”

ผมเลือดขึ้นหน้า โอ๊คที่ผมรู้จักเป็นคนร่าเริง เข้ากับคนง่ายแต่ก็ไม่เคยทำตัวอย่างที่ไอ้บ้านี่พูดสักครั้งเดียว ด้วยความโมโหผมเงื้อกำปั้นขึ้นจะตะบันเอาเลือดไอ้คนตรงหน้าออก แต่เหมือนคนตัวใหญ่กว่ารู้ทัน ผมจึงโดนจับแขนแล้วบิดไพล่หลังจนต้องร้องด้วยความเจ็บ แม้จะพยายามดิ้นให้หลุดแต่สู้แรงไม่ไหว หลังจากนั้นผมมารู้ทีหลังว่าเป้เคยเรียนยูโดจนได้สายดำมาก่อน

“บัดซบเอ๊ย ปล่อยกูนะไอ้เป้!!”

“เพิ่งรู้ว่าเด็กเกียรตินิยมก็ใช้อารมณ์เป็นเหมือนกัน ขอบอกอีกครั้ง ไปถามเพื่อนนายเอาเอง เราไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

จบประโยคร่างใหญ่ก็ผลักผมออกแล้วเดินจากไปทันที ผมได้แต่ยกมือลูบแขนตัวเองที่แดงขึ้นเป็นจ้ำจากรอยบีบแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างของเป้อย่างไม่เข้าใจ

++------++

สรุปว่าเย็นนั้นพอกลับไปที่ห้องเพื่อนตัวดีของผมก็กลับไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงผมจึงโทรเข้ามือถือแต่โอ๊คก็ไม่รับสาย ตอนแรกผมคิดว่าแบตโทรศัพท์โอ๊คคงหมด แต่พอฟ้าเริ่มมืดผมลองโทรเข้าไปที่บ้านปรากฏว่าหม่าม้าของโอ๊คก็ไม่รู้ว่าโอ๊คไปไหน ผมรีบโทรถามเพื่อนคนอื่นๆแต่ต่างก็ตอบปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน ผมกดไล่หมายเลขในโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจโทรหาเป้

(ส่วนสาเหตุว่าทำไมผมมีเบอร์เป้ เพราะโอ๊คเคยให้ผมไว้ บอกว่าเผื่อต้องโทรตามตอนที่อยู่กับเป้แล้วเกิดแบตหมด)

“เป้เหรอ โอ๊คอยู่กับนายหรือเปล่า?”

“คนไม่ได้เป็นอะไรกันจะอยู่ด้วยกันได้ไง?”

ปลายสายทำเสียงไร้อารมณ์กวนประสาทผมสุดฤทธิ์ หลังเจ้าตัวฟังคำผรุสวาทของผมไปอีกสามสี่ชุด สุดท้ายเป้ก็ถอนหายใจแล้วบอกว่าพอเดาได้ว่าโอ๊คอยู่ไหน จากนั้นจึงถามที่อยู่ของหอผมเพราะจะได้ขับรถมารับให้ไปด้วยกัน ใจผมตอนนั้นเป็นห่วงเพื่อนอย่างเดียวจึงไม่ได้อิดออดและยอมบอกไปแต่โดยดี

ระหว่างที่นั่งมาในรถด้วยกันเป้ไม่พูดกับผมเลย ผมเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรเหมือนกันเพราะเรื่องเมื่อกลางวันทำให้ยังมองหน้าไม่ติดอยู่ แต่แล้วพอรถยาริสสีดำของเป้เลี้ยวเข้าถนนมีชื่อเส้นหนึ่งผมก็หันไปมองคนข้างจัวอย่างสงสัย เป้ยิ้มมุมปากแล้วก็มองผมด้วยสายตากวนประสาทสุดขีด

“หน้าตาตื่นเชียว ไม่เคยมาเที่ยวกลางคืนหรือไง”

“ไม่เที่ยวกลางคืนผิดหรือไงวะ!?”

นัยน์ตาคมใต้คิ้วหนาคู่นั้นเพียงเลิกขึ้นมองผมก่อนจะเอารถเข้าจอดตรงที่ว่างริมฟุตบาท ผมอาจจะแปลกกว่าเด็กมหาวิทยาลัยคนอื่นคือผมไม่นิยมเที่ยวผับบาร์เท่าไรนัก แต่ก็ใช่จะไม่เคยรู้กิตติศัพท์สถานที่ท่องเที่ยวว่าย่านไหนขึ้นชื่อเรื่องอะไร

เป้เปิดประตูรถแล้วเดินนำผมไปร้านหนึ่งที่แค่ทางเข้าก็ทำเอาผมเสียวๆเพราะมีแต่ผู้ชายส่งสายตามาที่พวกเราสองคนตาเป็นมัน แล้วจู่ๆเป้ก็หันมาจับมือผมไว้แน่น พอผมจะสะบัดมือออกก็โดนบีบมือจนเจ็บแล้วถูกกระซิบดุๆใส่ว่าถ้าไม่อยากโดนลวนลามก็ให้เดินใกล้ๆเจ้าตัวไว้ ใจผมตอนนั้นทั้งสงสัยทั้งระแวงว่าเป้พาผมมาร้านนี้ทำไม

เจ้าคนตัวโตเดินนำผมเบียดคนเข้าไปด้านใน สายตาก็เหมือนสอดส่ายหาใครไปด้วย สักพักก็หยุดเดินแล้วก็กระตุกมือชี้ให้ผมดูโต๊ะด้านในสุดที่มีคนนั่งอยู่เกือบสิบคน ท่าทางแต่ละคนกำลังเมากันได้ที่ แม้แสงไฟในร้านจะไม่สว่างนักแต่จากจุดที่ยืนอยู่ผมสามารถเห็นหน้าของผู้ชายผิวขาวตัวผอมบางที่เป็นเพื่อนสนิทผมได้อย่างชัดเจน และนั่นทำให้ผมตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นอยู่ในระยะห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร

โอ๊คนั่งอยู่บนตักผู้ชายไว้เคราแพะใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์ แล้วก็มีผู้ชายอีกคนที่นั่งข้างๆกำลังลูบหน้าอกกับไซ้คอขาวๆของเพื่อนผมอยู่ หน้าตาคนทั้งโต๊ะนอกจากเพื่อนผมดูน่าจะอยู่ในวัยทำงานแล้ว เป้ฉุดแขนผมที่ยืนตัวชาให้เดินตรงไปที่โต๊ะนั้นทั้งที่ใจผมอยากจะวิ่งไปจากตรงนั้นให้ไกล โอ๊คที่กำลังหลับตาพริ้มหน้าแดงก่ำ ดูเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสจากชายที่ผมไม่รู้จัก เสื้อเชิ้ตสีขาวกระดุมหลุดลุ่ยเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นและไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น

หูผมได้ยินเสียงเป้เรียกชื่อโอ๊คแว่วๆ แล้วคนทั้งโต๊ะก็หันมาที่เราสองคนรวมทั้งเจ้าตัวด้วย หน้าที่เมื่อสักครู่แดงก่ำของโอ๊คซีดไปทันทีที่เห็นพวกผม ผมได้ยินเป้พูดอะไรสักอย่างแล้วโอ๊คก็ลุกขึ้นมาพยายามจะยื้อเป้ไว้ แต่ตอนนั้นผมไม่สนใจอีกแล้วว่าทั้งสองคนจะพูดอะไรกัน ผมรีบสะบัดมือใหญ่ที่จับยึดมือผมเอาไว้แล้วเดินเร็วๆเบียดคนออกมาหน้าร้าน รู้สึกเหมือนขอบตาร้อนผ่าวไปด้วยน้ำตาที่พาลจะไหลลงมาให้ได้ ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นเพื่อนที่เคยคิดว่ารู้เรื่องของกันและกันทุกเรื่องในสภาพไม่คาดฝันแบบนี้

“เป็นอะไรไปครับน้อง หน้าตาเศร้าจัง ให้พี่ช่วยปลอบไหม”

เสียงแหบต่ำที่ดังอยู่ข้างหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจและพบว่ามีผู้ชายตัวใหญ่สองคนยืนขวางทางออกเอาไว้ สายตาหยาดเยิ้มที่ทั้งสองทอดมาให้ทำให้ผมขนลุกชัน แต่ความที่ยังช็อคไม่หายกับสิ่งที่เพิ่งได้เห็นมาทำให้ผมโต้ตอบอะไรไม่ได้ในทันที แล้วฉับพลันผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนท่อนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งยื่นมาล็อกคอเอาไว้จากด้านหลังแล้วดึงกลับไปปะทะแผ่นอกกว้างพร้อมกับเสียงคุ้นหูที่เอ่ยขึ้นอย่างเครียดๆ

“ไม่ต้องครับพี่ นี่เด็กผม”

คำพูดแสดงความเป็นเจ้าของแบบมัดมือชกทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าคนที่ยืนแนบหลังตัวเองอยู่อย่างฉุนๆ แต่พอเห็นนัยน์ตาดุที่มองกลับมาก็พูดอะไรไม่ออก จึงได้แต่ปิดปากเงียบแล้วปล่อยให้เป้เดินโอบไหล่ผมผ่านเกย์สองคนที่ทักผมเมื่อกี้กลับไปที่รถ เป้เปิดประตูรถให้แล้วก็ดันผมให้ขึ้นไปนั่งก่อนจะขับออกมาโดยไม่พูดอะไร ตอนนั้นสมองผมเบลอไปหมดเมื่อคิดถึงภาพที่เพิ่งได้เห็นมาจะๆกับตา

ตอนนี้เพื่อนผม...กำลังทำอะไรอยู่

“เอ้า”

ผมหันไปหาเจ้าของเสียงแล้วก็ก้มดูกล่องกระดาษทิชชูที่อีกฝ่ายยื่นให้อย่างเหม่อลอย แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เป้จอดรถอยู่ใต้สะพานแห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา อาจเพราะความที่ดึกมากแล้วทำให้แถวนั้นไม่มีรถราผ่านไปมาสักเท่าไหร่

“อะไร?”

เป้ได้ยินคำถามผมแล้วก็เดาะลิ้น “จะอะไรล่ะ น้ำตาน่ะจะให้ไหลถึงเมื่อไหร่ หรือว่าต้องให้เช็ดให้?”

พอได้ยินคนข้างตัวทักแบบนั้นผมเลยยกมือขึ้นแตะหน้าตัวเองแล้วถึงเพิ่งรู้ว่าน้ำตากำลังไหลอาบแก้ม ความเปียกชื้นที่สัมผัสได้จากปลายนิ้วทำให้ผมเผลอหัวเราะออกมาทั้งที่ไม่ได้รู้สึกขำขันอะไรเลย เป้หันมามองผมงงๆ แล้วก็ตาโตขึ้นเมื่อเสียงหัวเราะของผมค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น แขนใหญ่รีบเอื้อมมาดึงผมเข้าไปกอดพลางลูบหลังผมที่กำลังสั่นขึ้นลงไปมาราวกำลังปลอบเด็ก

“ขอโทษนะที่พาไปเห็นอะไรแบบนั้น ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมเราถึงบอกเลิกโอ๊ค?”

ผมซุกหน้างุดกับอกใหญ่นั้น วินาทีนั้นสับสนสุดขีด เพื่อนที่ผมเคยคิดว่าเป็นคนเรียบร้อย ไว้เนื้อไว้ตัวกลับกลายเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ในใจผมนึกเป็นห่วงเพื่อน แต่อีกใจก็นึกเห็นใจคนที่กำลังโอบกอดปลอบใจผมอยู่

ผมพยายามสูดน้ำมูกก่อนจะถอยตัวออกพลางยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา แต่กลับทำให้ทั้งน้ำมูกน้ำตาแถมน้ำลายด้วยกระมังเปรอะหน้าจนเละไปหมด

“สกปรกจริงๆเล้ย เอ้านี่”

แม้คำพูดจะเหมือนแสดงความรังเกียจแต่น้ำเสียงบ่งว่าเป้กำลังหยอกล้อผมอยู่ มือใหญ่ดึงกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดใบหน้าที่เลอะเทอะของผมในขณะที่อีกมือช่วยลูบผมที่ลงมาปรกหน้าผากให้ ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงไปขณะมองรอยยิ้มของเป้ผ่านตาที่พร่าเพราะม่านน้ำตาจนต้องกระพริบตาถี่ๆ

“ขอโทษว่ะเป้ เราไม่รู้จริงๆว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ เรานึกว่าเป้บอกเลิกโอ๊คเพราะไปมีคนอื่น”

เป้ฟังคำขอโทษของผมแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหันไปมองทางอื่น “ที่จริงเราพอรู้สึกอยู่บ้างแล้วล่ะว่าโอ๊คแค่คบเราเพราะเอาไว้อวดคนอื่น ก่อนนี้ก็เลยคิดว่าจะคุยกับโอ๊คให้รู้เรื่องอยู่แล้ว พอดีมีเพื่อนที่เคยเรียนม.ปลายที่เดียวกับโอ๊คมาเล่าให้เราฟังว่าเมื่อก่อนโอ๊คเป็นไง แล้วก็พาเราไปให้เห็นกับตาเอง เลยตัดสินใจได้ทันที”

ผมแย้งไม่ออกกับคำอธิบายที่ได้รับ นี่เองคือคำตอบต่อคำถามที่ผมเคยถามเป้เมื่อกลางวัน แต่ถ้าหากว่าเจ้าตัวตอบผมมาตามตรงตั้งแต่ตอนที่ผมถามโดยไม่ได้พามาเห็นเหตุการณ์ที่ร้านด้วยตัวเองผมก็คงไม่เชื่ออยู่ดี เป้เห็นผมไม่พูดอะไรจึงชำเลืองมองผมอีกครั้ง

“แล้วอีกอย่าง...เรามีคนที่รู้สึกชอบจริงๆขึ้นมาแล้วด้วย”

ผมช้อนสายตาขึ้นสบตากับคนตรงหน้าแล้วก็เห็นประกายบางอย่างในตาคู่นั้นที่ผมไม่อยากรู้ว่ามันคืออะไร ผมจึงถอยออกแล้วนั่งพิงพนักของตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือการได้อยู่ตามลำพังแล้วคิดอะไรเงียบๆคนเดียว

“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะเป้ แต่ไปส่งเราที่หอหน่อยได้ไหม”

แม้จะไม่หันไปมองแต่ผมก็พอรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองผมอยู่ สักพักเป้ก็เข้าเกียร์แล้วขับรถพาออกถนนใหญ่เพื่อวนไปส่งผมตามที่ขอ



++------++

ตอนนี้ไม่ต้องใส่หัวเรื่องว่าเป็นเรื่องเล่าหรือนิยายแล้วนะยกเว้นเรื่องสั้น

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2013 23:18:01 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ดูท่าเจ้าเป้จะตกหลุมรักเจ้าวิวซะแล้ว   :t2:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :z1:  ป้าจะขยันเกินไปแย้วววววว

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
โถ่วิวโดนหลอกซะตั้งนาน

แล้วจะรออ่านต่อนะคราบ อิๆ

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L2:
ต้อนรับเรื่องใหม่ 
ขออย่าดองเลยนะจ้ะ :oni3:
ช่วยกลับไปแต่งเรื่องเก่าให้จบๆด้วย รออยู่ว่าต้นจะทำยังไง  :m12:

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
แหมตัวเอง bb มาลำนำรัก เป้วิว อยู่ตรงนี้นี่เอง นึกว่าจะได้เห็นคุณพ่ออิ่มกิมจิ
อยู่แดนไกลแล้วไม่อยากกลับบ้านซะอีก คิกคิก

เค้าชอบนะ เรื่องสั้นเรื่องนี้


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
มาต่อให้จบกันเลยนะกั๊บ :m7:

++------++


ลำนำรักสีรุ้ง [ครึ่งหลัง]


ตั้งแต่วันนั้นโอ๊คก็หลบหน้าหลบตาผม ไม่มานั่งที่โต๊ะกลุ่มเหมือนเคย แม้แต่ตอนที่ต้องเข้าเรียนวิชาเดียวกันก็ไม่มานั่งด้วยกัน เพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มถามผมว่าเราทะเลาะกันหรือเปล่าผมก็ตอบไม่ถูก จะว่าเราทะเลาะกันก็ไม่ใช่ ผมคิดว่าโอ๊คคงอายมากกว่าที่ถูกผมไปเห็นในร้าน และเรื่องที่เคยพูดโกหกผมว่าเป้นอกใจ

ใช่ว่าผมจะไม่อยากเคลียร์กับเพื่อนให้เข้าใจ เพราะยังไงซะผมก็เสียดายมิตรภาพที่เรามีให้กันมา แต่ไม่ว่าผมจะเพียรโทรหาโอ๊คเท่าไรหรือพยายามหาโอกาสเข้าไปพูดคุยด้วยโอ๊คก็ไม่ยอมคุยกับผมเลยจนผมเริ่มท้อ และไม่นานฤดูกาลแห่งการสอบปลายภาคก็งวดเข้ามาจนผมหัวปั่นกับการทำรายงานและอ่านหนังสือสอบจนต้องพักคิดเรื่องโอ๊คไว้ชั่วคราว

วันหนึ่งขณะผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำก็ได้ยินเสียงคนเลื่อนเก้าอี้ใกล้ตัวแล้วนั่งลง ผมไม่ทันได้สนใจจึงอ่านหนังสือแล้วขีดปากกาไฮไลท์ตามจุดสำคัญไปเหมือนเดิม สักพักเหมือนคนข้างตัวจะอดรนทนไม่ไหวจนต้องยื่นมือใหญ่มาปิดลงบนหน้าหนังสือที่ผมอ่านอยู่

ผมหันขวับไปมองคนข้างๆอย่างไม่พอใจ แล้วก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจที่ได้เห็นเป้นั่งเท้าคางยิ้มให้ผมอยู่ แต่ตอนนั้นผมกำลังเครียดกับเนื้อหาที่ต้องเตรียมสอบในเช้าวันต่อไปเลยได้แต่ถลึงตาใส่แล้วยกหนังสือออกจากใต้มือหนานั้น

“เอ้าๆ กลัวไม่ได้คะแนนเต็มหรือไง จะขยันอะไรนักหนาเนี่ย”

“เสือก! แล้วตัวเองไม่มีหนังสือหนังหาต้องอ่านหรือไง”

หลังจากวันที่เป้พาผมไปเห็นโอ๊คที่ร้านวันนั้น ผมกับเป้ก็ไม่ได้พูดคุยหรือทักทายกันอีกเลย ผมเองเมื่อหลุดปากว่าเป้ไปแล้วก็รู้สึกแย่ที่ตัวเองเผลอปากเสียออกไป แต่แทนที่เจ้าตัวจะหน้าจ๋อยกลับยิ้มอวดเขี้ยวให้ผมแทนซะอย่างนั้น

“ดุจริงเว้ย จะสองทุ่มแล้วนะ เดี๋ยวห้องสมุดก็ปิดแล้ว ไม่หิวข้าวหรือไง จะชวนไปกินข้าว”

ผมมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วก็มองหน้าเป้อย่างไม่เข้าใจ คนตัวโตตรงหน้าเลยถือโอกาสหยิบหนังสือเรียนผมที่วางกองบนโต๊ะไปถือไว้เองแล้วเดินนำผมออกไป ผมมองไปรอบตัวก็พบว่าคนในห้องสมุดเริ่มบางตาลงและเจ้าหน้าที่ก็เริ่มดับไฟบางจุดแล้วจึงต้องหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นพาดไหล่แล้วเดินตามออกไปอย่างเสียไม่ได้

เป้เดินนำผมออกจากมหาวิทยาลัยผ่านประตูหน้าแล้วก็ไปหยุดที่ร้านขายกับข้าวตามสั่งบนฟุตบาทข้างถนน ผมจำใจต้องนั่งตามเพราะยังไงเป้ก็มีหนังสือเรียนผมเป็นตัวประกันอยู่ เจ้าคนตัวโตยื่นเมนูที่เป็นกระดาษเอสี่เคลือบพลาสติกเก่าๆเลอะๆให้แล้วถามว่าอยากกินอะไร ผมจึงบอกปัดไปว่าสั่งอะไรมาผมก็กินได้เพราะอยากรีบกินแล้วรีบกลับไปอ่านหนังสือต่อ ตอนนั้นผมพะวงแต่เนื้อหาที่จะสอบวันต่อไปอยู่อย่างเดียว

“จะเครียดอะไรกันขนาดนั้น ตอนมิดเทอมก็คะแนนดีอยู่แล้วนี่”

เหมือนเป้จะรู้ว่าผมไม่พอใจที่โดนบังคับมากินข้าวด้วยเลยเอ่ยขึ้นล้อๆ ผมเลยทำตาเขียวใส่

“เออสิ นอกจากเรื่องเรียนก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ภูมิใจนี่หว่า เครียดแล้วผิดด้วยรึไง”

หลังได้ยินคำตอบเป้ก็เท้าคางจ้องหน้าผมจนผมเริ่มอึดอัด โชคดีว่าอาหารที่สั่งเริ่มลำเลียงมาแล้วผมจึงคว้าตะเกียบขึ้นพุ้ยข้าวต้มกับกับข้าวสามสี่อย่างบนโต๊ะทันทีจนคนที่นั่งตรงข้ามต้องเอ่ยทัก

“กินช้าๆก็ได้ เดี๋ยวก็ลวกปากกันพอดี”

“จะรีบกิน จะกลับไปอ่านหนังสือ ไม่ได้มีเวลาทั้งคืน”

เป้หัวเราะแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบ พรุ่งนี้หมอนี่ก็มีสอบเหมือนกันแต่กลับดูท่าทางไม่อนาทรร้อนใจเลยจนผมหมั่นไส้

“อย่าหงุดหงิดน่า เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะไปส่งที่หอ”

“ไม่ต้อง รถเมล์สายที่ผ่านหอเราวิ่งทั้งคืน กลับเองได้”

เป้รินเบียร์ใส่แก้วของตัวเองเพิ่มก่อนจะจิ๊ปากกับคำปฏิเสธของผม “เออน่ะ บอกว่าจะไปส่งก็ไปส่งสิ เลิกเถียงซะที”

ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้ผมที่ปกติเป็นคนเถียงไม่เลิกถ้าหากไม่พอใจยอมเงียบแล้วก็กินข้าวต่อโดยมีเป้นั่งจิบเบียร์รอ หลังกินข้าวเสร็จเจ้าคนที่บังคับให้ผมมากินข้าวด้วยก็ออกเงินค่าข้าวให้แม้ผมจะบอกว่าไม่จำเป็น จากนั้นก็ขับรถไปส่งผมที่หอตามที่สัญญาไว้

ก่อนผมออกจากรถเป้บอกว่าจะไม่กลับจนกว่าผมจะขึ้นไปแล้วออกมาโบกมือให้สัญญาณจากระเบียงก่อนว่าถึงห้องแล้ว ถึงผมจะงงๆว่าทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วย แต่พอขึ้นไปถึงห้องที่ชั้นหกแล้วผมก็ยื่นหน้าออกมาโบกมือให้คนตัวโตที่ยืนสูบบุหรี่รออยู่ข้างรถ เป้โบกมือตอบแล้วขยี้ก้นบุหรี่ที่ถังขยะใต้ตึกก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ผมคิดว่าเห็นเป้ยิ้มตอนผมโบกมือให้เมื่อครู่

ตลอดเวลาสัปดาห์กว่าๆที่ผมสอบปลายภาคชีวิตดำเนินไปอย่างนี้ทุกวัน ผมจะไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแล้วเป้ก็จะโทรหาแล้วมารับผมไปกินข้าวและขับรถไปส่งที่หอ ตอนนั้นผมเริ่มฉุกคิดแล้วว่าเป้ทำแบบนี้ทำไม แต่ไม่อยากเอ่ยอะไรออกไปเพราะยังไงเป้ก็เป็นแฟนเก่าเพื่อนผม และผมกับโอ๊คก็ยังไม่ได้คุยกันเลย ผมไม่กล้าถามเป้ตรงๆพอๆกับที่เริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับการที่เป้มาอยู่ใกล้ๆจนไม่อยากให้มันจบลงแม้จะรู้สึกผิดกับโอ๊คก็ตาม

วิชาสอบสุดท้ายของผมเป็นช่วงบ่ายของวันศุกร์ ตลอดเวลาที่ทำข้อสอบผมรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูกและคอยมองแผ่นหลังของโอ๊คเป็นระยะ พอโอ๊คทำข้อสอบเสร็จก็ลุกขึ้นเอากระดาษคำตอบไปให้อาจารย์ที่โต๊ะหน้าห้องก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยแววตาเศร้าๆ ผมสะดุดใจกับแววตานั้นจนต้องรีบปั่นข้อสอบที่เหลือให้เสร็จเพราะอยากออกไปหาแล้วคุยทำความเข้าใจ ผมไม่อยากให้เราทั้งสองปิดเทอมแล้วต้องห่างเหินกันไปทั้งที่ยังไม่พูดไม่จากันอยู่แบบนี้

“ภัส เห็นโอ๊คมั่งมั้ย?”

พอออกจากห้องสอบผมก็ตรงไปที่โต๊ะกลุ่มใต้คณะทันทีแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของคนที่อยากพบ เพื่อนสาวในกลุ่มจึงเงยหน้าขึ้นจากการเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือแล้วก็ส่ายหน้า “ไปไหนไม่รู้แล้วว่ะ เออ แต่มันฝากจดหมายนี่ไว้ให้แกแน่ะ”

ผมรีบคว้ากระดาษจดหมายมาไว้ในมือ ขณะกำลังจะคลี่ออกอ่านก็ฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นเรื่องที่ผมไม่ควรทำตอนอยู่กลางกลุ่มเพื่อนแบบนี้จึงผละไปที่ลานริมแม่น้ำ จากนั้นจึงคลี่จดหมายออกด้วยมือสั่นเทา



“วิว

ขอโทษนะที่เราทำให้วิวต้องเสียความรู้สึก เราไม่มีอะไรจะแก้ตัว เราผิดตั้งแต่ต้นที่ไปคะยั้นคะยอให้เป้คบเราทั้งที่เค้าไม่ได้ชอบเราเลย เราเคยคิดว่าเป้อาจเปลี่ยนใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรคืบหน้าจนเราเหนื่อย เราเลยกลับไปเที่ยวตามร้านที่เมื่อก่อนเคยไปกับเพื่อนเก่า เราไม่คิดว่าเป้จะไปเห็นแล้วบอกเลิกกับเรา ตอนนั้นเรากลัวว่าเป้จะเอาเรื่องเราไปพูดเลยชิงโกหกวิวก่อน แต่สุดท้ายวิวมาเห็นเองกับตาจนได้ เราขอโทษด้วยจริงๆ

ตอนนั้นเราโกรธเป้มากที่ทำให้เราต้องเสียเพื่อนดีๆอย่างวิว แต่คิดอีกทีเราก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเป้ทำแบบนั้น เพราะเราสังเกตมาตลอดว่าตอนอยู่คอมมอนเป้ชอบมองใคร เราหวังว่าวิวก็คงรู้

สุดท้ายนี้เราอยากขอโทษอีกครั้งที่ไม่กล้าคุยกับวิวตรงๆ หลังสอบวันนี้เราจะบินไปซิดนีย์ หลังจากนั้นคงจะหาทางเรียนต่อที่นั่นเลยเพราะพี่สาวก็อยู่ด้วย เราอยากขอให้วิวยกโทษให้เรา และหวังว่าสักวันเราคงกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม

โอ๊ค”



ผมรู้สึกว่าสมองว่างเปล่าเมื่ออ่านจดหมายจบ คำถามที่ผุดขึ้นในหัวคือโอ๊คตั้งใจจะไปเรียนต่อที่โน่นอยู่แล้วหรือเพิ่งตัดสินใจหลังเกิดเรื่องกันแน่? แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็อยากพบและพูดคุยกับโอ๊คอีกครั้งก่อนเพื่อนของผมจะจากไปไกลอยู่ดี ทว่าพอผมหมุนตัวลุกขึ้นก็ชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของคนตัวใหญ่ที่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

“ว่าไง ปล่อยให้เดินหาตั้งนาน โทรหาก็ไม่รับ”

ผมกระพริบตาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแล้วก็เห็นว่ามีมิสคอลจากเป้จริง แต่เนื่องจากตั้งแต่ก่อนเข้าสอบผมตั้งระบบปิดเสียงเอาไว้ทำให้ไม่รู้ตัวว่ามีสายเข้า แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าการอธิบายเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟังคือเพื่อนที่กำลังจะจากไปไกลของผม

“เป้ โอ๊คจะบินไปซิดนีย์คืนนี้ พาเราไปสนามบินหน่อยได้มั้ย?”

เป้ฟังคำขอแล้วก็ทำหน้ามุ่ย ผมดึงแขนเสื้อของเป้ไว้แล้วก็ขอร้องอีกอย่างร้อนรน “ขอร้องล่ะเป้ แต่ถ้านายไม่พาไปเราจะนั่งแท็กซี่ไปเอง”

ก่อนผมจะหมุนตัวไปก็โดนมือใหญ่คว้าแขนไว้ซะก่อน เป้มองหน้าผมที่ขมวดคิ้วหันไปมองแล้วก็ถอนหายใจ

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ไปส่งก็ได้ ไปรอหน้าศูนย์หนังสือแล้วกันเดี๋ยวเราวนรถไปรับ”

ระหว่างอยู่บนรถผมพยายามโทรหาโอ๊คหลายครั้งแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะปิดเครื่อง พอโทรไปที่บ้านก็เจอแต่แม่บ้าน แต่โชคดีที่ป้าเหลียงจำสายการบินได้ผมเลยโทรเช็คกับสายการบินว่าไฟลท์ไปซิดนีย์คืนนั้นมีกี่โมงและพบว่ามีไฟลท์เดียว เป้มองผมที่นั่งกระวนกระวายอยู่ในรถแล้วก็ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะจับมือผมไว้ ผมจึงบีบมือใหญ่ตอบอย่างขอบคุณ ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจมากที่ตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว

พอถึงสนามบินเป้ก็หย่อนผมลงหน้าทางเข้าผู้โดยสารขาออกแล้วบอกว่าหาที่จอดรถได้แล้วจะตามไปหา ผมจึงรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินเพราะตอนนั้นเริ่มใกล้ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วแต่ก็ไม่เห็นคนที่กำลังตามหา ขณะที่กำลังละล้าละลังอยู่นั่นเองก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังมาจากด้านหลัง พอหันไปก็เห็นหม่าม้าของโอ๊คและญาติๆยืนอยู่เลยรีบเข้าไปหาแล้วถามว่าโอ๊คอยู่ไหน

“เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เองลูกเพราะเดี๋ยวเค้าจะเข้าไปข้างในแล้ว นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี”

ผมหันกลับไปมองแล้วก็เห็นโอ๊คยืนหน้าซีดอยู่หลังผม แต่คราวนี้จะหนีก็ไม่ได้เพราะญาติๆและหม่าม้าอยู่ตรงนั้น ผมเลยหันไปบอกหม่าม้าว่าขอลาโอ๊คเป็นการส่วนตัวแป๊บนึงแล้วก็จูงมือโอ๊คเดินห่างออกไป

ผมรู้สึกได้ว่ามือในอุ้งมือผมสั่น พอเราเดินห่างจากญาติๆของโอ๊คมาพ้นระยะที่ไม่น่าจะได้ยินบทสนทนาของเราแล้วผมก็ฉุดเพื่อนให้นั่งลงที่ม้านั่งข้างผนัง

“โอ๊ค โอ๊คอย่าร้องไห้สิ”

ผมจับมือเพื่อนแน่นขึ้นเมื่อคนตรงหน้าเริ่มสะอื้น โอ๊คก้มหน้าหลบตาผมแล้วก็เอ่ยถามเสียงสั่น “วิว อ่านจดหมายเราแล้วใช่มั้ย เรามันเลว”

“ไม่เอา อย่าคิดอย่างนั้นสิ ยังไงโอ๊คก็เป็นเพื่อนเรานะ แต่เราอยากให้โอ๊คสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรอย่างนั้นอีก”

“ไม่แล้วล่ะวิว เราไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”

ผมดึงร่างผอมบางมากอดก่อนจะลูบแผ่นหลังที่สั่นเพราะแรงสะอื้นอย่างปลอบโยนจนรู้สึกว่าโอ๊คเริ่มสงบลง เสียงสายการบินเริ่มประกาศเรียกผู้โดยสารทำให้รู้ว่าเวลาที่เราจะได้คุยกันหมดลงแล้ว ร่างในอ้อมแขนผละจากอกผมแล้วก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“ยังไงเราไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงที่โน่นแล้วเราจะอีเมล์กับโทรหา คราวนี้จะยอมคุยด้วยนานๆเลย”

“อื้ม เราจะรอ”

เสียงที่ร่าเริงของคนตรงหน้าทำให้ผมใจชื้นขึ้น โอ๊คชำเลืองมองหลังผมแวบหนึ่งแล้วก็ยิ้มจนตาหยีให้ผมอีกครั้ง
“วิวดูแลตัวเองด้วยล่ะ แล้วก็...ที่เราเขียนในจดหมายเรื่องคนที่เป้ชอบ เราว่าวิวคงช่วยเป้ได้นะ”

ผมรู้สึกเหมือนหน้าร้อนขึ้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงแฝงแววล้อเลียนของเพื่อน แล้วก็อดคิดถึงหน้าของคนที่ถูกพูดถึงไม่ได้  “อะไรล่ะโอ๊ค เป้จะชอบใครก็ช่างเค้าสิ พอโอ๊คไม่อยู่เราก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับหมอนั่นแล้ว”

“ใครบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก หลังจากนี้แหละจะยุ่งกันหนักยิ่งกว่าเดิมเลยล่ะ”

ผมสะดุ้งกับเสียงเข้มๆที่ดังขึ้นใกล้ตัวแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นเป้ยืนอยู่ตรงนั้น โอ๊คบีบมือผมแล้วก็มองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างผมอย่างอาวรณ์ เป้จึงยิ้มตอบ

“ไปอยู่โน่นแล้วขยันเรียนล่ะ ส่วนวิวเดี๋ยวเราดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”

เฮ่ย! อยู่ดีๆมาทึกทักเอาเองงี้ได้ไง?! แล้วผมไปตกลงเออออด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะยอมให้ดูแล???

โอ๊คกอดผมแน่นอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาญาติๆที่ยืนรออยู่ ผมมองตามหลังเพื่อนแต่คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องไปส่งอีกแล้ว แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมืออุ่นวางลงบนบ่า

“ว่าไงเรา พามาส่งตามที่ขอแล้วนะ จะไม่ขอบคุณกันสักคำเลยหรือไง”

ผมเงยหน้ามองคนพูดตาดุแต่พอเห็นสายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายก็ต้องรีบก้มหน้าลงมองมือตัวเองทันที เป้รีบมานั่งเก้าอี้ตัวที่โอ๊คนั่งเมื่อครู่แล้วก็จับบ่าผมรั้งไว้ก่อนผมจะทันหันไปทางอื่น

“เมื่อกี้คุยเรื่องจดหมายอะไรกัน?”

“ไม่มีอะไร แล้วก็ไม่เกี่ยวกับนายเลยด้วย”

ผมยังพยายามไม่สบตาคมที่จ้องตัวเองเขม็ง รู้สึกว่าตอนนี้หน้าคงแดงไปถึงไหนต่อไหนเพราะมันไม่หยุดร้อนเสียที เรายื้อกันอยู่สักพักผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะเลยหันไปมองหน้าเป้อย่างงงๆ

“วิวจะแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ไปถึงไหนครับ เป้ไปรับไปส่ง เลี้ยงข้าววิวทุกวันอย่างนี้วิวยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าโดนจีบอยู่?”

“ใครจีบ จีบอะไร ไม่รู้เรื่องโว้ย!!”

ผมพยายามบ่ายเบี่ยงสุดฤทธิ์ อีกฝ่ายดูเหมือนจะยิ่งชอบใจที่ทำผมอายจนพูดไม่รู้เรื่องได้จึงดึงตัวผมไปกอดไว้แน่น ใจผมเต้นแรงจนเหมือนจะกระดอนออกมานอกอกกับความใกล้ชิดที่ไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีอีก

“ดี อยู่นิ่งๆอย่างนี้ซะบ้างจะได้ไม่ต้องใช้กำลัง ชอบเถียงดีนัก”

ผมเงยหน้าขึ้นจะอ้าปากโต้ แต่พ่อตัวดีก้มลงจูบผมหน้าตาเฉยก่อนจะถอยออกแล้วยิ้มให้ตาเป็นมัน คราวนี้ผมเลยได้แต่อ้าปากค้าง อะไรที่กำลังจะพูดพาลปลิวหายจากสมองไปหมด

“กลับกันได้แล้ว หิวข้าวจะแย่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปเที่ยวด้วยกันอีก”

เที่ยว? เที่ยวอะไร?? ตอนนั้นผมเบลอจนยอมให้อีกฝ่ายลากตามไปที่รถแต่โดยดี พอกลับไปนั่งในรถเป้ก็จัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผมเสร็จสรรพ พอจะหันไปบอกว่าผมไม่ใช่เด็กก็โดนขโมยหอมแก้มอีกจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ขนาดผมยังไม่ได้ตกลงจะเป็นแฟนด้วยยังโดนฉวยโอกาสขนาดนี้ ถ้าผมยอมเป็นแฟนหมอนี่จริงๆจะเป็นยังไงผมไม่อยากคิดเลย


++------++


ขออภัยผู้อ่านทุกท่าน edit มากไปหน่อยเนื้อหาเลยหาย ตามลงไปอ่านตอนจบข้างล่างนะจ๊ะ (กรรมของป้าจริงๆ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2009 11:15:48 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
แหมตัวเอง bb มาลำนำรัก เป้วิว อยู่ตรงนี้นี่เอง นึกว่าจะได้เห็นคุณพ่ออิ่มกิมจิ
อยู่แดนไกลแล้วไม่อยากกลับบ้านซะอีก คิกคิก

เค้าชอบนะ เรื่องสั้นเรื่องนี้



The Living Rive มาโพสต์ติดกันฉิวเฉียดเลย หวังว่าจะชอบครึ่งหลังเหมือนครึ่งแรกนะจ๊ะ

กำลังสอนป๊ะป๋าให้กินกิมจิอยู่ ได้ความอย่างไรจะมาลงเรื่องนู้นต่อ อิๆ  :t2:


juuuno99

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มป้าฮ่ะ


อย่าลืมเรื่องนู้นเน้อ


เขียนดีจริงๆคับ

ชอบสำนวนการใช้ของป้าอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2008 18:37:02 โดย <Ju!_Ju!> »

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
เรื่องน่ารักดีจริง ๆ  :m1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ขอแอบเอาไป print อ่านที่ทำงานก่อนนะป้านะ
       แล้วจะมาวิจารณ์ทีหลัง  :m23:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ชื่อเรื่องโดนใจ เห็นคำว่า รุ้ง แล้วแพ้ทาง  :laugh:

เลยได้อ่านเรื่องน่ารักๆๆ เลย  ชอบความผูกพันของวิว กับ โอ๊ค

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
จบซะแล้ว แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้น่ารักมากๆ ชอบ

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
น่ารักจังค่ะ ชอบมากๆ :m1:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ต่อๆๆๆๆ

++------++


จากวันนั้นก็ผ่านมาห้าปีแล้ว หลังจากเรียนจบผมก็เข้าทำงานในแผนกส่งเสริมการตลาดของธนาคารแห่งหนึ่ง ส่วนเป้ทำงานที่บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์ซึ่งเป็นสาขาของต่างชาติ แต่เราอาศัยอยู่คอนโดเดียวกัน ตอนเช้าเป้จะขับรถมาส่งผมก่อนเพราะผ่านทางไปออฟฟิศตัวเอง ส่วนตอนเย็นถ้าเลิกงานเวลาใกล้กันเป้จะมารับยกเว้นว่าต้องทำโอที แต่กิจกรรมที่พวกผมยังทำร่วมกันอย่างเคร่งครัดก็คือ ไม่ว่าดึกแค่ไหนก็จะรอกินข้าวเย็นด้วยกัน ยกเว้นว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไปงานเลี้ยงหรือกลับดึกมากจริงๆ

ส่วนโอ๊ค ตั้งแต่ไปเรียนที่ซิดนีย์เราก็โทรศัพท์และอีเมล์คุยกันอย่างสม่ำเสมอ และบางซัมเมอร์โอ๊คก็บินกลับมาเยี่ยมบ้านและนัดเจอผมบ้าง ผมดีใจที่อย่างน้อยผมไม่ได้เสียเพื่อนไป และโอ๊คดูจะยินดีอย่างจริงใจที่ผมคบหากับเป้ หลังเรียนจบโอ๊คหางานทำในบริษัทด้านการพิมพ์ที่ซิดนีย์ และเห็นว่าตอนนี้กำลังเดทกับหนุ่มลูกครึ่งรุ่นน้องที่บริษัท

“ทำอะไรอยู่ฮึ? ยังไม่นอนอีก”

เป้เดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำพลางเอ่ยถาม ผมเลยหันไปยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปหาจอคอมพิวเตอร์ต่อ

“กำลังส่งรูปตอนไปเที่ยวบาหลีคราวที่แล้วให้โอ๊คอยู่ โอ๊คบอกว่าอยากดู”

“เห็นแล้วอยากไปฮันนีมูนกันอีกรอบเนอะ”

มือของคนที่มานั่งเอาคางเกยไหล่ผมเริ่มซุกซนไปมาจนผมต้องตีมือที่กำลังเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อนอนของผมอยู่

“เมื่อกี้มาไล่ให้ไปนอนอยู่ไม่ใช่หรือไง พูดเองแล้วอย่ามาทำรุ่มร่ามสิ”

นัยน์ตาคมของคนที่ผมตื่นมาเจอทุกเช้ามองผมทะเล้น ก่อนจะลุกแล้วย่อลงจับผมอุ้มพาดบ่าเดินไปที่เตียง

“เฮ้ย! เป้ ไม่เอา พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า อื้อ...”

คนตัวใหญ่จูบปิดปากผมจนอะไรๆที่จะพูดต่อหายลงคอไปหมด ลิ้นร้อนที่รุกไล่เข้ามาในปากพร้อมกับมืออุ่นๆที่ไล้บนผิวใต้เสื้อนอนผืนบางทำเอาผมสะท้าน กว่าอีกฝ่ายจะยอมถอนริมฝีปากออกเสื้อกับกางเกงผมก็หลุดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“ไม่ต้องห่วง รับรองไม่ทำถึงเช้า แค่เช้ามืด”

ใบหน้าคมยิ้มยั่ว ผมตีแขนคนเจ้าเล่ห์ที่ชอบเอาแต่ใจอีกครั้ง แต่คราวนี้ยอมให้อีกฝ่ายทำตามที่ต้องการแต่โดยดีเพราะห่างหายกันไปร่วมสัปดาห์ บทรักที่เคยคุ้นแต่ไม่เคยหน่ายดำเนินไปอย่างลื่นไหลและเร่าร้อนราวบทละครที่เราช่วยกันกำหนดจังหวะจนเข้าขากันเป็นอย่างดี เป้รู้ว่าต้องปลุกเร้าผมอย่างไรเช่นเดียวกับที่ผมรู้ว่าเป้อยากให้ผมตอบสนองแบบไหน หลังเราทั้งคู่ทะยานถึงที่สุดของอารมณ์ผมโน้มคอแข็งแรงของคนที่นอนคร่อมอยู่ลงมาจูบก่อนจะกระซิบติดริมฝีปากเสียงเบา

“รักเป้นะ”

คนตัวโตยิ้มแล้วจูบหน้าผากผม ความต้องการที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยของคนตรงหน้าเริ่มตื่นตัวขึ้นในตัวผมอีกครั้ง ค่ำคืนนี้ผมคงไม่ได้พักผ่อนง่ายๆอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ แต่ไม่เป็นไรเพราะผมชินเสียแล้ว

“เป้ก็รักวิว”



++-- END ลำนำรักสีรุ้ง --++




นี่ละหนาผลของการกลับมาอ่านเรื่องตัวเองใหม่แล้วอยากปรับแก้คำจนเนื้อหาขาด (เคยโดนกับอีกเรื่องมาแล้วยังไม่เจียม o12)

ใครอ่านจบไปแล้วก็อย่าอารมณ์เสียนะจ๊ะ เค้าขอโต้ด~
  o1

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2009 11:16:34 โดย bellbomb »

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
คิกคิก อย่ากังวลไปเลย bb เค้าเองก็เบ๊อะผิดประจำเหมือนกัน
ตัวเองกับเค้าคงต้องไปทำความรู้จักกับ แคร็ก ของพี่โต๋แล้วล่ะมั้ง คิกคิก

น่ารักดีนะ ผิดฝาผิดตัว แต่ไม่ผิดใจแบบนี้ คู่ใครก็คู่คนนั้นสิ จริงไหม เป้วิว  :o8:

มาลงเรื่องต่อไปเร็วๆล่ะ และอย่าลืม กิมจิ กิมจิ กิมจิ

Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป

ชอบครับ เรื่องน่ารักดี เป้กะวิว เข้าใจในรักระหว่างกัน  :กอด1:

ขอบคุณป้านะครับ  กำลังจะตามไปอ่านอีกเรื่องของป้า  :impress:

 :bye2:

abcd

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 :m4: ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ

ออฟไลน์ ben~ya

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
แวะมารีพลายแป๊บนึง ตอนแรกว่าจะปั่นตอนพิเศษวันลอยกระทงมาลง แต่โดนสั่งไปประชุมข้างนอก ยังไงเย็นๆค่ำๆอาจได้มาลงเป็นควันหลงหลังสงกรานต์แทนละกันนิ ส่วนเรื่องที่สองจะตามมาเร็วๆนี้จ้า  :call:

mist   ยินดีที่ทำให้คนอ่านยิ้มได้ค่า
BeePed  เรื่องนู้นต่อแน่จ้าไม่ต้องห่วง (จริงๆพิมพ์แล้ว แต่ยังไม่ถูกใจเลยยังไม่ลง ขอเวลาขัด+เกลาอีกหน่อยเน้อ)
<Ju!_Ju!>   โดนเอจิ้มอีกแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องนู้นน่าจะได้อัพในเร็ววันนี้แน่นอน ว่าแล้วป้าก็ขอทวงบทเอาคืนของกั๊มพ์ด้วยเลยละกันนิ
pickki_a  อ่านจบยางงงงงงนู๋ใหญ่
dahlia  มิตรภาพก็สำคัญไม่แพ้คนรักเนอะ
newykung  เป็นเรื่องสั้นก็เลยจบเร็วหน่อยนะจ๊ะ ขอบคุณที่ชอบจ้า
nana  หมายถึงคนเขียนอ๊ะป่าว ฮิ้ว
The Living Rive  คนคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน ส่วนกิมจิตอนนี้กำลังดองได้ที่ รอป้อนป๊ะป๋าอย่างเดียว
Jeremy_F  เนอะๆ ได้คนเข้าใจกันมาอยู่ข้างตัวสักคนคงสุขใจ ว่าแต่เรื่องนู้นแนวการเขียนจะต่างจากเรื่องนี้หน่อยนะจ๊ะ
ที่รักของ...   เจ้แน๋วอ้า เค้าก็บอกตั้งแต่ต้นแย้วว่าเรื่องสั้น อิๆ
cartoons เค้าเขินนะ มาบอกชอบกันงี้เลยเหรอ
ben~ya อารมณ์ไหนจ๊ะ หวังว่าจะอารมณ์ดีเน้อ


Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป
ฮั่นแน่!! แอบหลบเจ้านายมาตอบรีฯซะด้วย  ขยันๆเพื่อโบนัส ท่องไว้ๆอิอิ   o11

"ยังไงเย็นๆค่ำๆอาจได้มาลงเป็นควันหลงหลังสงกรานต์"
รอได้ครับ ค่ำจะย่องมาดูน่ะ

 :bye2:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
[Short Story] เรื่องที่ 1: ลำŨ
«ตอบ #22 เมื่อ13-11-2008 20:09:20 »

^
^
^
^

สาธุ สมพรปากนู๋ Jeremy_F ป้าจะได้มีตังค์ไปเที่ยวหลวงพระบางเดือนหน้า อิๆ
กระแสลอยกระทงกำลังป่วนเต็มบอร์ดเลยตอนนี้ หวังว่าคนอ่านจะไม่เบื่อกันไปซะก่อนนะจ๊ะ
  :impress2:



ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง


“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันที่บีทีเอสสยามเลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วโทรหา”

ผมกดปิดโทรศัพท์แล้วเช็คอีเมล์อีกนิดหน่อยก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์แล้วแวะเคาะประตูห้องหัวหน้าเพื่อลากลับ

“Khun Gerald, I’m gonna go now.  See you tomorrow”
[คุณเจรัลด์ ผมกลับก่อนนะครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้]

หัวหน้าผมซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารบนโต๊ะแล้วขยับแว่นก่อนยิ้มเพลียๆให้

“Ok.  Happy Loy Kratong.  Are you gonna take your special someone out tonight?”
[โอเค สุขสันต์วันลอยกระทงนะ ว่าแต่จะพาแฟนไปเที่ยวไหนหรือเปล่าคืนนี้?]

ผมยิ้ม หัวหน้าผมอยู่ในประเทศไทยมาหลายปีพอที่จะรู้จักความพิเศษของประเพณีประจำชาติ อาจเพราะมีภรรยาเป็นชาวไทยด้วย แต่สิ่งที่ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานของผมต่างไม่รู้ก็คือ แฟนผมเป็นผู้ชาย

“Yep, so I’d better get going.  Happy Loy Kratong to you too.  Oh, and watch out for the traffic tonight.”
[ครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน สุขสันต์วันลอยกระทงเช่นกันครับ แล้วก็คืนนี้ท่าทางรถจะติดนะ]

หัวหน้าผมเดาะลิ้นก่อนจะโบกมือไล่

“It’s always the same.  Anyway, have fun.”
[ก็เป็นอย่างนี้ทุกวันน่ะแหละ ขอให้สนุกล่ะ]

ผมแวะเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตและเนคไทที่ใส่มาทำงานเป็นเสื้อโปโลแล้วเอาของไปเก็บในรถที่จอดไว้ชั้นใต้ดิน แล้วก็เดินออกมาโบกมอเตอร์ไซค์หน้าออฟฟิศให้ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ ดูจากรถที่ติดกันยาวเหยียดเต็มถนนแล้ว ขืนผมขึ้นแท็กซี่ไปหาแฟนมีหวังได้ลอยกระทงกันตอนเที่ยงคืนแน่ๆ

เนื่องจากปรกติผมขับรถไปกลับระหว่างคอนโดกับที่ทำงาน ก็เลยไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์โดยสารรถไฟฟ้าในช่วงเวลาเร่งด่วนมาก่อน ผู้คนมากมายยืนรอรถขบวนถัดไปกันแทบล้นชานชาลา ผมเลือกรอที่ช่องสำหรับตู้ที่ติดหัวขบวนที่สุด พอเบียดคนอื่นๆเข้าไปด้านในได้แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดส่งข้อความรัวเร็ว

“On BTS now. C u soon.”

ไม่ถึงอึดใจโทรศัพท์ผมก็ส่งเสียงว่ามีข้อความตอบกลับ

“OK. c u :]”

รอยยิ้มเล็กๆในข้อความนั้นทำให้ผมยิ้มตาม อดเร่งให้รถไฟฟ้าไปถึงสถานีปลายทางเร็วๆไม่ได้ นี่จะเป็นการลอยกระทงด้วยกันครั้งแรกตั้งแต่ผมกับวิวเริ่มทำงาน ปีแรกหลังจากเรียนจบวิวต้องกลับไปช่วยงานศพญาติที่ต่างจังหวัดเราจึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน ส่วนปีที่แล้วผมก็ต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาข้ามคืนจนวิวหลับไปก่อน เราสองคนจึงไม่ได้ไปลอยกระทงด้วยกันเลยตั้งแต่เรียนจบมา

“สถานีต่อไป สยาม ท่านผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนไปสายสุขุมวิทได้ที่สถานีนี้”

ผมแทบไม่ต้องก้าวเองเพราะโดนคนที่ยืนเบียดกันอยู่ในรถดันให้ไหลออกไปที่ประตู พอเห็นคิวยาวของผู้คนที่ต่อแถวกันรอลงบันไดเลื่อนผมก็ตัดสินใจลงบันไดธรรมดาแทนแล้วตรงไปหาคนที่ยืนรออยู่หน้าทางออก

“โทษที รอนานหรือเปล่า”

คนสำคัญของผมส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่นานเท่าไหร่ ก่อนได้เมสเสจก็ไปเปลี่ยนชุดมา”

ร่างผอมๆของวิวเปลี่ยนจากชุดทำงานตอนผมไปส่งที่ออฟฟิศเมื่อเช้าเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ชุดที่ถอดเปลี่ยนคงเก็บไว้ในกระเป๋าที่สะพายหลังอยู่ ถ้าใครที่ไม่รู้จักมองเผินๆคงนึกว่าวิวยังเป็นนักศึกษา ผมเองยังชอบแซวแฟนบ่อยๆเวลาเดินด้วยกันแล้วมีคนถามว่าวิวเป็นน้องหรือเปล่า  ผมเอื้อมมือไปจะคว้ากระเป๋าแต่โดนอีกฝ่ายดึงไว้

“ไม่ได้หนักอะไรหรอกเป้ เดี๋ยวถือเองก็ได้”

“อย่าดื้อสิครับ ขอเป้เซอร์วิสแฟนหน่อย”

วิวยิ้มเขินๆก่อนจะยอมให้ผมรับกระเป๋ามาสะพายเองแต่โดยดี แล้วเราทั้งคู่ก็ลงจากสถานีเพื่อเดินต่อไปยังที่หมายของการลอยกระทงคืนนี้ ตลอดทางเดินมีคนร่วมทางเต็มไปหมด ทั้งนักเรียน นักศึกษาและคนทำงานแล้ว ประกอบกับมีแผงขายของบนฟุตบาทเป็นระยะเลยทำให้ถนนที่ปูอิฐไว้ไม่ราบเรียบเดินลำบากเข้าไปอีก ก็อย่างว่าละ ที่นี่กรุงเทพฯ

“เป้ ซื้อกระทงจากแถวนี้ไปเลยดีกว่า รู้สึกว่าถ้าเข้าไปซื้อข้างในจะแพงนะ”

“โอเค งั้นเอาอันใหญ่อันเดียวไปเลยแล้วกัน”

คนขายกระทงซึ่งท่าทางเป็นเด็กนักศึกษามองพวกผมสองคนที่ซื้อกระทงใบเดียวกันยิ้มๆ แต่วิวคงไม่ทันสนใจ ผมจ่ายเงินให้โดยไม่รอเงินทอนแล้วก็เดินเอามือแตะหลังวิวช่วงเอวเหมือนกึ่งๆประคอง วิวเงยหน้าขมวดคิ้วมองผมแต่ไม่ได้ว่าอะไร คนเบียดเสียดกันขนาดนี้ ผมไม่อยากเสี่ยงให้ใครมาถือโอกาสเพราะแฟนผมไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่ามีคนแอบมองเยอะแค่ไหน

ที่ที่เราเลือกไปลอยกระทงมีคนมาร่วมงานเยอะทีเดียว พวกเราเดินดูซุ้มขายของต่างๆทั้งขนม น้ำดื่ม ขนมหากินยากอย่างน้ำตาลปั้น แล้วก็ซุ้มเล่นเกมแปลกๆอย่างสาวน้อยตกน้ำ (ที่เปลี่ยนสาวน้อยเป็นหนุ่มน้อย) ซุ้มเกมเป่ายิงฉุบพระราชาที่ท่าทางจะเก็บเงินคนเล่นไปได้ไม่น้อย ซุ้มดูไพ่ยิปซี มินิคอนเสิร์ตโดยน้องๆนักศึกษาที่มีคนมุงดูแน่นจนแทบเดินผ่านไม่ได้ เด็กผู้ชายสองคนปีนขึ้นไปเต้นบนนั่งร้านที่ปูแผ่นรองเอาไว้ท่าทางน่ากลัวหล่น เหล่านักศึกษาหญิงที่ยืนล้อมวงถ่ายรูปกันอยู่ส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นเมื่อน้องคนหนึ่งเข้าไปทำท่ากอดเอวอีกคน ผมไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้สาวๆชอบดูอะไรแบบนี้

ผมมองหน้าวิวที่ท่าทางกำลังเพลินกับกิจกรรมและแสงสีจากไฟเย็นและแท่งเรืองแสงที่หลายๆคนในงานถือโบกกันไปมาแล้วก็เอาไหล่ชนเบาๆ

“ไปลอยกระทงกันเลยมั้ย เดี๋ยวจะดึก”

วิวหันมาพยักหน้าให้แล้วเราก็เดินตัดสนามไปยังสระน้ำที่มีคนยืนออกันแน่น ผมล้วงไฟแช็กขึ้นมาจุดธูปเทียนแล้วเราสองคนก็นั่งอธิษฐานด้วยกันก่อนจะค่อยๆหย่อนกระทงใบตองลงในน้ำที่เต็มไปด้วยกระทงของคนอื่นๆ

“ปีนี้วิวอธิษฐานขออะไร”

หลังลุกเดินจากสระน้ำมาแล้วผมหันไปถามคนข้างๆที่ยังมองตามซุ้มกิจกรรมต่างๆตลอดทางเดินก่อนถึงประตูทางออกอยู่ นัยน์ตาวาววับหันมามองผมยิ้มๆ

“ก็เหมือนทุกปี ขอให้โลกสงบสุข คนไทยรักใคร่กลมเกลียวกัน”

“อะไรเนี่ย ขออะไรไม่โรแมนติคเลย มีบ้างมั้ยขอว่าให้เป้กับวิวได้อยู่ด้วยกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเงี้ย”

ผมเห็นวิวหน้าแดงๆก่อนเจ้าตัวจะตีแขนผมดังเพียะ

“ก็เป้ขอไปแล้วไม่ใช่รึไง จะขอพรเดิมให้ซ้ำกันทำไมเล่า”

ผมยิ้มแล้วก็คว้ามือวิวมากุมไว้ ขณะเรากำลังจะเดินออกจากประตูก็มีเสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากข้างหลัง

“พี่วิว พี่วิวใช่มั้ยคะ”

วิวหันกลับไปมองแล้วก็สะดุ้งก่อนจะบิดมือออกจากมือผมแล้วเอามือไขว้หลังไว้ ผมขมวดคิ้วมองคนข้างตัวที่หันไปยิ้มให้กับเด็กสาวผมประบ่าที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง

“ว่าไงพีช ไม่เจอกันตั้งนาน พี่ลืมไปเลยว่าพีชเรียนที่นี่”

“พี่วิวก็ไม่โทรมาบอกกันเลยว่าคืนนี้จะมาลอยกระทงด้วย แล้วนี่มากับเพื่อนหรือคะ”

ผมกำลังจะอ้าปากแต่เห็นวิวแอบส่งสายตาดุให้ก่อนหันไปยิ้มให้กับน้องคนนั้นอีกที “อื้อ นี่เพื่อนพี่ตั้งแต่สมัยเรียน ชื่อพี่เป้”

“สวัสดีค่ะ หนูเป็นลูกพี่ลูกน้องพี่วิว แล้วนี่จะกลับกันแล้วเหรอคะ”

ผมเริ่มหงุดหงิดหน่อยๆแต่พยายามบังคับเสียงกับหน้าให้ยิ้ม

“ครับ เดี๋ยวพี่จะพาพี่วิวไปกินข้าวที่ตลาด มาเดินกันตั้งนานแล้วเค้าคงหิว” ผมเห็นวิวแอบส่งตาเขียวมาให้แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น

“ว้า ว่าจะชวนไปแวะซุ้มของคณะพีชซะหน่อย ยังไงพี่วิวกลับบ้านตอนปีใหม่ใช่มั้ยเอ่ย งั้นค่อยเจอกันนะ”

วิวพยักหน้าให้ยิ้มๆ ก่อนจะโบกมือลาญาติผู้น้อง ผมเลยหมุนตัวเดินนำออกมาโบกแท็กซี่แล้วเปิดประตูให้วิวขึ้นไปก่อน จากนั้นเราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกตลอดระยะเวลาสั้นๆที่นั่งอยู่ในรถ

ด้วยความที่ไม่ได้มาตลาดสามย่านนานมากแล้วทำให้ผมอดทึ่งกับภาพลักษณ์ของอาคารที่ทาสีใหม่และเปิดไฟสว่างไสวไม่ได้ เนื่องจากตอนผมมาครั้งล่าสุดเมื่อหลายปีก่อนอาคารยังดูเก่าๆโทรมๆวังเวงผิดกับตอนนี้หน้ามือเป็นหลังมือ เราเลือกนั่งโต๊ะใกล้กับบันไดทางขึ้นแล้วก็สั่งอาหารกันคนละจาน ผมสั่งเบียร์เฉพาะของตัวเองขณะที่วิวสั่งเพียงน้ำเปล่า

“...โกรธอะไร”

วิวถามผมเสียงอ่อนหลังเราเงียบกันอยู่นาน ผมยกขวดเบียร์ขึ้นจิบแล้วแกล้งพูดเสียงเย็นชา ที่จริงผมไม่ได้คิดอะไรแล้วแต่อดป่วนไม่ได้ นานๆทีวิวจะเป็นฝ่ายง้อผมซักที

“เปล่า หรือวิวคิดว่าตัวเองทำอะไรที่เป้ต้องโกรธ”

คนตรงหน้าผมเบ้ปาก “ไม่ต้องมาแกล้งมึน งอนที่เมื่อกี้แนะนำเป้ไปว่าเป็นแค่เพื่อนใช่มั้ย”

ถึงผมจะไม่ติดใจแล้ว แต่พอโดนจี้ใจดำขึ้นมาก็อดหงุดหงิดหน่อยๆไม่ได้เหมือนกัน ผมทำเป็นเลี่ยงเปิดเมนูดูรูปอาหารที่เด็กเสิร์ฟลืมเก็บออกไปจะได้ไม่ต้องสบตาวิว

“ก็รู้ตัวนี่ แล้วจะถามทำไม”

“เข้าใจกันหน่อยสิ บ้านพีชอยู่ติดบ้านวิวที่สกลฯ เกิดน้องเค้าเผลอไปบอกที่บ้านแล้วเข้าหูพ่อแม่จะทำไง วิวยังไม่อยากให้ที่บ้านรู้ตอนนี้”

“ก็บอกน้องเค้าว่าอย่าเอาไปพูดก็ได้นี่ โตๆกันแล้วเค้าคงไม่แกล้งหรอก”

ผมจิบเบียร์อีกอึกก่อนจะถามต่อ “ถ้าเกิดพ่อกับแม่วิวรู้ขึ้นมาจริงๆแล้วรับไม่ได้จะทำไง จะเลิกกันหรือไง”

วิวกอดอกแล้วชักสีหน้า

“ถ้าคิดอย่างนั้นก็เลิกกันเดี๋ยวนี้เลยดีมั้ย”

น้ำเสียงหงุดหงิดของอีกฝ่ายทำเอาผมเริ่มใจอ่อน ที่อยากให้แฟนง้อคงต้องเปลี่ยนเป็นง้อแฟนแทนเสียแล้ว

“เลิกได้ไง อธิษฐานไปแล้วว่าชีวิตนี้ขอให้วิวรักเป้คนเดียว ขืนเลิกกันพรก็ไม่ขลังสิ”

ผมยกมือของวิวขึ้นจูบแล้วก็วางลงที่เดิมอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวชักมือหนีไม่ทัน ก่อนจะยิ้มมองหน้าแดงๆที่มองผมกลับตาขุ่น ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมวิวชอบคิดว่าตัวเองหน้าตาไม่น่าสนใจทั้งที่สะดุดตาผมตั้งแต่ตอนอยู่ปี 1 แท้ๆ

ผมเท้าคางแล้วถามวิวอีกครั้งอย่างจริงจัง “เอาจริงๆเลยนะ ถ้าเกิดพ่อแม่วิวรู้ว่าเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันวิวจะทำยังไง”

ผมเคยเจอพ่อแม่วิวตอนที่วิวพาไปเยี่ยมบ้านช่วงปิดเทอม แต่ทั้งสองรับรู้เพียงว่าเราเป็นเพื่อนร่วมคณะ หลังจากที่เรียนจบแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันวิวก็ไม่ได้บอกที่บ้านว่าเช่าคอนโดอยู่กับผม แต่ถึงแม้เราจะปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหนสักวันความจริงก็ต้องแตกอยู่ดี

วิวเม้มปากแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ

“จะให้ทำยังไงล่ะ ถ้าเค้ารับไม่ได้ก็คงต้องคุยกันจนกว่าเค้าจะเข้าใจนั่นแหละ คบกันมาตั้งนานขนาดนี้แล้วนี่”

น้ำเสียงจริงจังทำให้ผมยิ้มออก ผมเลยยื่นนิ้วไปลูบมือวิวที่จับแก้วน้ำอยู่เบาๆ

“ต้องอย่างนี้สิ ค่อยสมกับเป็นแฟนกันหน่อย”

“อ่า...อาหารมาแล้วครับพี่”

เด็กเสิร์ฟที่พูดออกสำเนียงไทยไม่ชัดยืนถือจานอาหารสองจานเก้ๆกังๆอยู่ข้างโต๊ะ ท่าทางคงได้ยินบทสนทนาของพวกเราเมื่อครู่ วิวหน้าแดงซ่านส่วนผมได้แต่หัวเราะ

“อุ๊ย...จุดพลุกันแล้ว!”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2009 17:56:00 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เสียงกรี๊ดกร๊าดจากกลุ่มเด็กสาวที่นั่งถัดผมไปสองสามโต๊ะทำให้ผมกับวิวหันไปมองฟ้าฝั่งที่มีพลุสว่างวาบเป็นประกายไฟพร่างพราว พลุหลากสีบนท้องฟ้าในคืนไร้เมฆดึงดูดผู้คนที่นั่งทานอาหารอยู่ให้หันไปมองอย่างหลงใหล แต่ผมเลือกที่จะหันกลับมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของวิว สำหรับผมพลุในเมืองไทยจะดูเมื่อไหร่ก็เหมือนๆกัน แต่ใบหน้าสดใสมีชีวิตชีวาของคนตรงหน้ามีเสน่ห์น่ามองกว่ากันเยอะ

“วิวครับ”

คนโดนเรียกหันกลับมาตามเสียง ใบหน้ายังมีรอยยิ้มตื่นเต้นประดับอยู่ “หืม? อะไร?”

“คืนนี้เป้ขอหลักฐานพิสูจน์รักของวิวได้มั้ย ถ้าเป็นไปได้ขอหลายๆครั้งเลย”

วิวเรียบเรียงคำพูดของผมในหัวครู่หนึ่งแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาอีกก่อนจะเตะขาผมใต้โต๊ะเบาๆ

“ไอ้ทะลึ่ง!”

“ทะลึ่งแต่ก็รักใช่มั้ยล่ะ”

“...ไม่พูดด้วยแล้ว”

วิวตัดบทแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารบนโต๊ะ ผมหัวเราะกับท่าทางเขินๆนั้นแล้วก็เริ่มลงมือจัดการอาหารของตัวเองบ้าง

นานๆที ทะเลาะกันบ้างก็ดีเหมือนกัน ผมนึกดีใจที่เมื่อห้าปีก่อนผมเลือกที่จะเดินเข้าไปหาวิวที่ห้องสมุดแล้วชวนออกไปทานข้าว ถ้าหากผมไม่เริ่มสานสัมพันธ์ก่อนในวันนั้น ผมคงไม่มีวันรู้เลยว่าในวันนี้คนตรงหน้าจะเป็นคนที่ทำให้ชีวิตผมเติมเต็มและมีความสุขได้ขนาดนี้

“...เลิกยิ้มอย่างนั้นซะทีได้มั้ย”

“ทำไมล่ะ มองแฟนตัวเองแล้วยิ้มผิดด้วยเหรอ หรือวิวไม่ชอบให้เป้ยิ้มให้”

วิวค้อนผมแล้วก็ก้มหน้าทานข้าวต่อ ทำไมผมจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำหน้าตาแบบไหนอยู่ ก็วิวน่ารักจนน่ากลืนกินไปทั้งตัวจริงๆนี่นา

“กินเสร็จรึยัง อยากกลับจะแย่แล้ว อิ่มมากๆเดี๋ยวคืนนี้จุกนะ”

วิวมองผมตาเขียวก่อนจะรวบช้อนส้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“ก็ลองทำให้จุกดูสิ เดี๋ยวคืนนี้มีใครบางคนไม่ได้นอนเตียงแน่”

คนน่ารักของผมทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งโมโหแต่แก้มทั้งสองข้างแดงจัด ผมเรียกเด็กเสิร์ฟเก็บเงินแล้วก็จูงมือวิวเดินไปโบกแท็กซี่เพื่อกลับไปเอารถที่ออฟฟิศ ระหว่างรอก็ถือโอกาสหอมแก้มคนข้างๆ โชคดีว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นไม่งั้นผมคงโดนงอนอีก

“มัดจำก่อนนะ เดี๋ยวค่อยไปเก็บที่เหลือที่ห้อง”

วิวแกล้งทำเป็นถอนหายใจแล้วเอนหัวพิงไหล่ผม เราแกว่งมือที่กุมกันอยู่เบาๆ อากาศช่วงปลายปีเริ่มเย็นลงแล้วแต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก

“นี่เห็นว่าเป็นคืนลอยกระทงหรอกนะ ยกให้ซักคืนก็แล้วกัน”


++-- END ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง --++


เมื่อคืนมีใครไปลอยกระทงที่จุฬาป่าว เราอาจสวนกันโดยไม่รู้ตัวนะ

สำหรับเรื่องต่อไปคงยังวนเวียนอยู่ในรั้วมหา'ลัยเน้อ ปั่นเสร็จเมื่อไหร่จะมาลงนะจ๊ะ
:bye2:




Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป
คู่นี้น่ารักเหมาะสมกันดี ชอบๆน่ารักครับ :o8:

มีบรรยากาศงาน ลอยกระทงเข้ากับชื่อเลยเนอะ   :-[

ผมลอยที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน อิอิ คนเยอะมากมายครับพี่น้อง

รอเรื่องใหม่นะเป็นกำลังใจ +นะ   :L2:

 :bye2:

ลป.โทษนะจ๊ะป้าเม็นท์ช้าไปนิดส์

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ้างถึง
ถ้าหากผมไม่เริ่มสานสัมพันธ์ก่อนในวันนั้น ผมคงไม่มีวันรู้เลยว่าในวันนี้คนตรงหน้าจะเป็นคนที่ทำให้ชีวิตผมเติมเต็มและมีความสุขได้ขนาดนี้


กรี๊ดดดดดดดดดด เขิน แทน วิว  :o8:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ฮิ้วววว หวานซ้า ขอตอนพิเศษหวาน ๆ อีกหลาย ๆ ตอนเลย หลงรักคู่นี้ซะแล้วสิเรา  :กอด1:


juuuno99

  • บุคคลทั่วไป
หวานซะ

ไอ้เอเขิ้นเขิน :-[

ในชีวิตจะมีหวานกะเค้าบ้างไหมหนอเรา

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
แหม กระทงคู่นี้ไม่หลงทางซะด้วยนะ คิกคิก  :n1:

ขอบคุณนะตัวเอง bb ที่เขียนเรื่องดีๆมาให้ได้อ่านกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด